วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เลือดออกอย่านอนใจ

เลือดออกอย่านอนใจ

Pic_22392

โลหิตจาง (anemia) เป็นเครื่องบอกเหตุว่ามีโรคหรือสาเหตุซ่อนอยู่ ซึ่งต้องค้นหาดูว่าเป็นอะไร แล้วจึงจะทำการรักษาที่ถูกต้อง โรคที่ทำให้เกิดภาวะโลหิตจางพบบ่อยในบ้านเรา แต่หากไม่ได้ใส่ใจ และปล่อยทิ้งไว้จนเป็นมากอาจจะก่อให้เกิดผลเสียได้ ในภาวะโลหิตจางหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ซีด" นั้น ร่างกายจะมีจำนวนเม็ดเลือดแดงลดลง แต่ละเพศและวัยมีค่านี้แตกต่างกัน เมื่อไรพบว่าค่าต่ำกว่าพิกัดต่ำสุดของประชากรเพศและวัยนั้นก็ถือว่าโลหิตจาง

สาเหตุ

  1. เกิดจากการเสียเลือด เช่น เสียเลือดจากระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากเป็นแผลในกระเพาะอาหาร สังเกตได้จากอุจจาระที่เป็นสีดำ และเหนียวคล้ายยางมะตอย ผู้ที่มีพยาธิปากขออยู่ในลำไส้ หรือสตรีที่เสียเลือดมากผิดปกติจากการมีประจำเดือน
  2. จากโรคทางพันธุกรรมในบ้านเรามีหลายชนิด แต่ที่พบบ่อย คือ โรคธาลัสซีเมียเกิดจากเม็ดเลือดแดงแตกง่ายผิดปกติ ซึ่งโรคนี้สามารถติดต่อได้ทางพันธุกรรม
  3. จากภาวะการขาดอาหาร ส่วนมากจะพบในคนไข้ที่รับประทานอาหารไม่ได้ หรือรับประทานได้ แต่ไม่ครบทุกประเภท มักพบบ่อยในผู้สูงอายุ ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติ หรือผู้ที่รับประทานอาหารไม่ครบหมู่
  4. จากการที่ร่างกายสร้างสารมาทำลายเม็ดเลือดของตัวเอง อาทิ โรคเอสแอลอี โลหิตจางจากปัญหาของมะเร็งเม็ดเลือด
  5. โลหิตจางที่เป็นผลจากโรคอื่น เช่น โรคตับ โรคไต

ภาวะ โลหิตจางเกิดได้จากหลายสาเหตุ บางอย่างสามารถรักษาให้หายขาดได้ บางอย่างทำได้แค่ประคับประคองให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงกับคนปกติให้ มากที่สุด สิ่งที่สำคัญ คือ อย่าละเลยอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น การตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเนิ่นๆ จะทำให้การรักษาโรคได้ผลดี และมีภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าการรักษาโรคในระยะที่เป็นมาเนิ่นนานแล้ว

อาการ

ผู้ ที่โลหิตจางไม่มากหรือไม่มีโรคหลอดเลือดร่วมด้วยอาจไม่มีอาการก็ได้ อาการจะมีหรือไม่ขึ้นอยู่กับความ
รุนแรงของโลหิตจางและความเฉียบพลันของการ เกิดโรค

  1. อาการเหนื่อยง่าย เหนื่อยง่ายหมายถึงรู้สึกเหนื่อยผิดปกติเวลาที่ต้องออกแรง เช่น เคยเดินบันไดได้โดยไม่เหนื่อยแต่กลับเหนื่อย ถ้ามีโลหิตจางรุนแรง แค่เดินในบ้านก็อาจเหนื่อยแล้ว เวลาเหนื่อยอาจมีอาการใจสั่นร่วมด้วย ที่รุนแรงอาการมีอาการของโรคหัวใจวาย คือ เหนื่อย แน่นหน้าอก หอบ เป็นต้น
  2. อาการอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ
  3. อาการเป็นลม หน้ามืด วิงเวียน
  4. อาการทางสมอง เช่น รู้สึกสมองล้า หลงลืมง่าย ขาดสมาธิในการทำงาน เรียนหนังสือไม่ดีเท่าที่ควร นอนไม่หลับ
  5. อาการหัวใจขาดเลือด มักพบในคนที่มีโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โลหิตจาง ทำให้อาการของหัวใจรุนแรงขึ้น เจ็บหน้าอกง่ายขึ้น
  6. อาการขาขาดเลือด พบในคนที่มีโรคหลอดเลือดของขาทำให้ปวดขา เวลาเดินได้ไม่ไกล ต้องหยุดพักบ่อยๆ เวลาเดิน
  7. อาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น เบื่ออาหาร ท้องอืด
การวินิจฉัย
โรค นี้สามารถให้การวินิจฉัยได้จากลักษณะประวัติอาการ การตรวจร่างกายโดยละเอียด การตรวจลักษณะของเม็ดเลือด รวมทั้งการตรวจพิเศษบางอย่างเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของภาวะโลหิตจาง



การรักษา
หลัก การสำคัญ คือ รักษาที่สาเหตุของโลหิตจาง แนวทางการรักษาประกอบด้วยการรักษาทั่วไป เป็นการบำบัดอาการของโลหิตจาง ระหว่างที่ทำการรักษาโรคสาเหตุของโลหิตจาง เช่น รักษาภาวะหัวใจวาย ลดการออกแรง ให้ออกซิเจน ให้เลือดทดแทน มักให้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาหลอดเลือด ผู้ป่วยอายุมากหรือเสียเลือดมากเฉียบพลันผู้ป่วยเลือดจางเรื้อรังมักไม่จำ เป็นต้องให้เลือด แม้ว่าความเข้มข้นของเลือดจะต่ำมากๆ ก็ตาม

ส่วนการ รักษาจำเพาะเป็นการรักษาไปที่สาเหตุ กำจัดสาเหตุและให้การรักษาโรคสาเหตุนั้นๆ เช่น ถ้าพบว่าเลือดจางเพราะพยาธิปากขอ ก็ให้ยากำจัดพยาธิและให้ยาที่มีธาตุเหล็กควบคู่กันไป เมื่อระดับความเข้มข้นของเลือดกลับสู่ระดับปกติแล้ว ควรให้ยาเสริมธาตุเหล็กต่อไปอีก 3 เดือนจึงจะเพียงพอ

ขอบคุณแหล่งที่มา/www.thairath.co.th/

3d Driving Games Online
Awesome Games
Find More Free Hidden Objects Games
Hoyle Board Games
Internet Basketball Games
Two Person Drinking Games
Where Did The Olympic Games Originate
Cbbc Games To Play
Create Your Own Video Games
Creating Board Games

ใช้วิทย์ฯ ไขปริศนาโลกแห่งเวทมนตร์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์

บางทีโลกของแฮร์รี่ก็อาจอธิบายได้ด้วยเหตุผลของมักเกิ้ลก็ได้
หากจะนับเวลาถอย หลัง อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 16 ก.ค.นี้ ซึ่งมีความหมายอย่างยิ่งต่อแฟนๆ พ่อมดตัวน้อย เพราะ "แฮร์รี่ พอตเตอร์" เล่ม 6 ในชื่อตอน "Harry Potter and the Half-Blood Prince" ก็พร้อมจะออกมาสู่สายตาของพวกเราเหล่า "มักเกิ้ล" ผู้ไร้เวทมนตร์คาถาตามจินตนาการของ เจ เค โรลลิ่ง เจ้าของบทประพันธ์

สำหรับการผจญภัยครั้งใหม่ของแฮร์รีเล่ม 6 นี้ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่หลายคนอาจจะใจจดใจจ่อจนรู้สึกว่าการรอคอยนี้ช่างยาวนานจน อาจนำไปใช้ยกตัวอย่างทฤษฎีสัมพัทธภาพของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) ที่ว่าวางมือบนเตาไฟ 1 นาที มันยาวนานเหมือน 1 ชั่วโมง นั่งคุยอยู่กับสาวงาม 1 ชั่วโมงดูราวกับนาทีเดียว การรอคอยที่จะได้อ่านแฮร์รีเล่มนี้...ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น

จะว่าไปแล้วโลกของเวทมนตร์กับโลกของวิทยาศาสตร์ดูเหมือนเป็นคนละ เรื่อง อยู่กันคนละขั้วที่ไม่อาจรวมกันได้ แต่ชายที่ชื่อโรเจอร์ ไฮฟิลด์ (Roger Highfield) บรรณาธิการวิทยาศาสตร์ จากเดอะ เดลี เทเลกราฟ (The Daily Telegraph) อาจทำให้หลายคนเปลี่ยนความคิดเมื่อเขาได้เสนอว่าความลี้ลับในโลกของแฮร์รี่ นั้นอาจอธิบายได้ด้วยความรู้จากมักเกิ้ลอย่างเราๆ ในหนังสือ “วิทยาศาสตร์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์” พร้อมตั้งคำถามที่มีคำตอบว่าเวทมนตร์จะเป็นจริงได้อย่างไร

โร เจอร์เสนอความคิดว่าจริงๆ แล้วโลกเวทมนตร์ของแฮร์รี่อาจจะเป็นสิ่งที่เราพบเห็นอยู่ทั่วไปแล้วก็ได้ หรืออาจจะกำลังพยายามทำให้เป็นจริงอยู่ เช่น แผนที่ตัวกวนก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับเทคโนโลยีจีพีเอส (Global Positioning System: GPS) หรือระบบหาพิกัดบนพื้นโลก หรือเทคโนโลยีใหม่ที่ทำมักเกิ้ลธรรมดาอย่างเราๆ หายวับเข้าไปในกำแพงได้ด้วยเทคนิคสร้างฉากเป็นม่านหมอกบางๆ ที่สามารถฉายรูปอิฐและปูนลงไป เป็นต้น

และบางทีโลกของแฮร์รี่อาจจะซ่อนอยู่โลกของเราจริงๆ ก็ได้
นอกจากนี้โรเจอร์มีความหวังที่จะโน้มน้าวให้คนอ่านเห็นความสัมพันธ์ บางอย่างระหว่างวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์ โดยได้ยกตัวอย่างคำพูดของนักคณิตศาสตร์ท่านหนึ่งที่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อว่าวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์มีความเชื่อข้อหนึ่งร่วมกัน นั่นคือสิ่งที่เรามองเห็นเป็นเพียงความจริงผิวเผิน ไม่ใช่ ความจริงที่แท้ และโรเจอร์ให้ความเห็นต่อไปว่าวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์ล้วนมีต้นกำเนิดจาก ความต้องการพื้นฐานในการทำความเข้าใจโลกที่โหดร้าย ทำให้เราทำนายหรือปรับเปลี่ยนมันเพื่อประโยชน์ของเราเองได้

อีกทั้งอาร์เทอร์ ซี คลาร์ก (Arthur C. Clark) นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดังได้เคยกล่าวไว้ว่าเทคโนโลยีใดที่ปฏิบัติการได้ราบรื่น ล้วนดูเหมือนเวทมนตร์ ขณะที่ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์แห่งศตวรรษเคยกล่าวไว้ว่าความลี้ลับคือสิ่งที่สวยงามที่สุด ที่เราสัมผัสได้ มันคือจุดกำเนิดของศิลปะ และวิทยาศาสตร์ทั้งมวลอย่างแท้จริง

ท้ายสุดแล้ววิทยาศาสตร์และเวทมนตร์อาจห่างกันเพียงแค่เส้นบางๆ เพราะแม้แต่เหตุการณ์ชุลมุนจากตัวพิกซี่ เจ้าสัตว์ตัวกวนที่ไม่มีพิษสงในโลกเวทมนตร์ ที่เกิดกับแฮร์รี่ในชั่วโมงเรียนการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดของศาสตราจารย์ กิลเดอลาย ล็อกฮาร์ตก็ถูกหยิบยกเข้ามาโยงกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ภายใต้กฎข้อที่ 2 ของเทอร์โมไดนามิกส์ได้

สำหรับมักเกิ้ลแฟนพันธุ์แท้ของแฮร์รี่ที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษอาจจะลอง ไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านแก้เก้อระหว่างรอหนังสือแฮร์รี่แปลเป็นภาษาไทยก่อน ก็ได้ เพราะหนังสือวิทยาศาสตร์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้แปลเป็นภาษาไทยแล้วโดย อุกฤษฏ์ มั่นคง และจัดจำหน่ายโดยสำนักพิมพ์นานมีบุคส์

ปริศนาที่ได้รับการเปิดเผยนี้จะสวยงามเทียบเท่าความลี้ลับที่ไอน์สไตน์เชื่อถือหรือไม่ ต้องลองพิสูจน์

ขอบคุณแหล่งที่มา/http://www.manager.co.th


Parking Car Games Online
Play Kid Games Online For Free
Stripping Drinking Games
The Sims Online Game
Build A Car Online Games
Free Action Keno Casino Games
Mash The Game
Multiplayer Games Online
Party Games For Teens
Yahoo Free Card Games

มหัศจรรย์แห่งแสง จาก "สะท้อน-หักเห" สู่การส่งข้อมูลพันล้าน

หลักการสะท้อนของแสงยังไปใช้ในการออกแบบโคมไฟให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
(ซ้าย)ภาพของหลอดแก้วหายไปในน้ำมัน (ขวา) หลอกแก้วไม่ได้หายไปไหน

เครื่องมือวัดความหนาเลยส์ด้วยเทคโนโลยีแสง ฝีมือคนไทย

โฮโลแกรม เทคโนโลยีแสงสร้างภาพ

เส้นใยแก้วนำแสง อุปกรณ์นำส่งข้อมูลทรงคุณภาพในยุคปัจจุบัน

เทคโนโลยีบันทึกลายนิ้วมือฝีมือคนไทยใช้หลักการทางแสง

เครื่องมือตรวจวัดคลอรีนฝีมือคนไทย ใช้หลักการตรวจวัดค่าแสงด้วยการเติมแสงที่ให้ค่าหักเหของแสงเปลี่ยนไป

อุปกรณ์แสดงผลด้วยแสง

กระโค้ง กระจกเว้า ภาพสะท้อนที่ต่างจากกระจกเรียบ

การสะท้อนของแสง

กระจกเว้าทำให้ได้ภาพที่ยืดขยายกว่าความเป็นจริง

หลักของสีแสงนำไปใช้ในการสร้างสีสันที่ต่างจากสีทางศิลป์

การนำแสงเลเซอร์มาประยุกต์ใช้ในการกำกับเส้นเพื่อการปะติดที่เป็นระเบียบ

เส้นใยแก้วนำแสง

คุณอาจจะไม่รู้ตัวว่าขณะที่กำลังบทความนี้ คุณคือผู้โชคดี โชคดีที่มีโอกาสได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของแสงที่ทำให้ตาคุณมองเห็น แต่ด้วยความเคยชินที่เราได้รับรู้อาจทำให้หลายคนมองข้ามไป แต่โชคยังเข้าข้างมนุษย์ที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสำคัญในการศึกษาธรรมชาติ ของสิ่งซึ่งทำให้เราสัมผัสกับสีสันรอบตัวเราได้ และเป็นไปได้ว่าในการค้นคว้าเกี่ยวกับแสงในยุคแรกเริ่มนั้นอาจมีคนตั้งคำถาม ว่า “จะรู้ไปทำไม”

เราอาจจะไม่อยากรู้ว่าเหล่านักวิทยาศาสตร์รู้สึกทึ่งแค่ไหนที่ใน 1 วินาทีแสงสามารถเคลื่อนที่ได้ไกลถึง 300,000 กิโลเมตร เราอาจจะไม่สนใจว่าแสงมีพฤติกรรมเป็นได้ทั้งคลื่นและอนุภาค หรือเราอาจจะรู้สึกเฉยๆ ที่ไม่สามารถแบ่งแยกแสงได้เหมือนอะตอมที่แบ่งย่อยลงไปได้เรื่อยๆ แต่คุณสมบัติพื้นฐานของแสงไม่ว่าจะเป็นการหักเหในตัวกลางต่างชนิดกัน การสะท้อนหรือการแทรกสอดก็ถูกนำไปประยุกต์ใช้งานที่หลากหลาย และหลายครั้งคุณสมบัติพื้นๆ เหล่านี้ก็สร้าง “ภาพลวงตา” ที่ทำให้เรา “พิศวง” บ่อยๆ

จากการทดลองง่ายๆ โดยนำหลอดแก้วทดลองจุ่มในภาชนะที่มีน้ำจะเห็นภาพบิดเบี้ยวไป ซึ่งก็ดูธรรมดาเหมือนปรากฏการณ์ที่เราเห็นได้ในชีวิตประจำวัน เช่น ภาพของปลาในตู้โตกว่าตัวจริง แต่ถ้าจุ่มหลอดแก้วทดลองลงในภาชนะที่ใส่น้ำมันเรากลับพบว่าหลอดแก้วหายไป ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ “ค่าดัชนีหักเห” ของแสงของแก้วและน้ำมันมีค่าใกล้เคียงกันมากจนทำให้ภาพหลอดแก้วหายไป

นอกจากนี้ค่าความหักเหในตัวกลางที่ต่างกันบางครั้งยังทำให้เกิดปรากฏการณ์ “สะท้อนกลับหมด” แสงจึงสะท้อนกลับไปกลับมาในตัวกลางชนิดเดียว นักวิทยาศาสตร์จึงนำหลักการดังกล่าวไปผลิต “เส้นใยแก้วนำแสง” สำหรับส่งข้อมูลต่างๆ ทั้งภาพและเสียงที่เราใช้กันทุกวันนี้ โดยเส้นใยแก้วนำแสงจะมีตัวกลาง 2 ชนิดที่มีค่าดัชนีหักเหของแสงต่างกัน

ส่วนการประยุกต์ใช้คุณสมบัติการสะท้อนแสงที่เราเห็นประจำนั่นคือภาพ สะท้อนจากกระจกเงาที่เราเห็นจนชินตานั่นเอง แต่หากกระจกเงาที่แบนราบถูกดัดให้โค้งภาพที่ได้ก็หดสั้นลงหรือถูกดัดให้เว้า เข้าภาพที่ได้ก็จะยืดออก ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ก็ถูกนำไปประยุกต์ใช้งานหลายอย่าง เช่น การนำกระจกเว้าไปผลิตกระจกตรวจฟันของทันตแพทย์ หรือการติดกระจกโค้งตรงกระจกรถช่วยให้เราเห็นภาพของรถที่วิ่งข้างหลังได้ดี ขึ้น นอกจากนี้หลักการสะท้อนของแสงยังนำไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบโคมไฟให้เหมาะ กับการใช้งานได้อีกด้วย

ข้างต้นคือคุณสมบัติและการใช้ประโยชน์ของ “แสงขาว” ที่เห็นอยู่ทั่วไป แต่เชื่อหรือไม่ยังมีแสงที่มีคุณสมบัติมหัศจรรย์ถึงขั้นตัดเหล็กได้เนื่องจากมีพลังงานสูง แสงดังกล่าวคือ “แสงเลเซอร์” ซึ่งคนเรานำมาใช้ประโยชน์ได้นานหลายสิบปีแล้ว ทั้งใช้ในการผ่าตัดซึ่งลดการสูญเสียเลือด ใช้ในการวัดระยะทางหรือวัดระดับ เป็นต้น

อีกตัวอย่างของการนำเลเซอร์ไปประยุกต์ใช้คือการนำสร้างภาพด้วยแสงเลเซอร์ที่เรียกว่า "โฮโลแกรม" ซึ่ง ใช้ฟิล์มต่างไปจากฟิล์มถ่ายรูปทั่วไป โดยใช้แสงเลเซอร์ฉายไปยังวัตถุ 3 มิติ และจะเกิดการแทรกสอดของแสงไปตกที่ฟิล์ม ทำให้ได้ภาพที่มีลักษณะ 3 มิติ และที่พิเศษคือแม้ฟิล์มของโฮโลแกรมจะฉีกขาดแต่เราก็ยังคงเห็นภาพได้แต่มี ขนาดที่เล็ก เทคนิคการสร้างภาพที่ต้องอาศัยเทคพิเศษทำให้ยากต่อการปลอมแปลง ภาพโฮโลแกรมจึงถูกนำไปใช้ในการรักษาความปลอดภัย เช่น การใส่รหัสเล็กๆ ในบัตรเครดิตหรือสติ๊กเกอร์โฮโลแกรมที่ใช้ในการระบุการรับประกันสินค้า เป็นต้น

นอกจากนี้แสงยังมีแม่สีที่ต่างไปจากแม่สีในทางศิลปะซึ่งโดยปกติเราจะ คุ้นเคยกับแม่สีแดง น้ำเงินและเหลือง แต่แม่สีแสงจะประกอบด้วยสีแดง น้ำเงินและเขียว อีกทั้งการผสมกันระหว่างแม่สีแสงก็จะให้สีของแสงที่ต่างไปจากการผสมแม่สีใน ทางศิลปะด้วย เช่น แสงสีแดงผสมกับสีเขียวจะได้สีเหลืองแต่หากเป็นแม่สีธรรมดาก็จะได้สีน้ำตาล เป็นต้น

สำหรับผลงานด้านเทคโนโลยีแสงฝีมือคนไทยก็มีไม่น้อย เช่น ผลงานของนักวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ที่นำหลักการง่ายๆ ของการสะท้อนแสงไปพัฒนาเป็นเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยและการทำฐานข้อมูล บุคคลจากการพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยจะมีเครื่องบันทึกภาพสะท้อนของลายนิ้วมือแล้วนำไปประมวลด้วยซอฟแวร์ คอมพิวเตอร์เก็บไว้เป็นข้อมูล จากนั้นเราจะสามารถใช้ภาพสแกนของลายนิ้วมือตัวเองระบุลักษณะเฉพาะได้

ผลงานเกี่ยวกับแสงของเนคเทคอีกชิ้นคือเครื่องมือวัดความหนาของเลนส์ ที่ใช้หลักการสะท้อนของแสง ด้วยการยิงแสงเลเซอร์ผ่านเลนส์ จากนั้นจะเซนเซอร์ตรวจรับแสงซึ่งความเร็วในการสะท้อนแสงจะถูกคำนวณด้วยซอ ฟแวร์ฝีมือคนไทยอีกเช่นกันแล้วได้ออกมาเป็นความหนาของเลนส์ วิธีดังกล่าวช่วยประหยัดเวลาและเป็นวิธีวัดที่ไม่สร้างความเสียหายให้กับตัว เลนส์

อย่างไรก็ดีคุณสมบัติพื้นฐานของแสงดังกล่าวได้สร้างประโยชน์มากมาย ให้กับชีวิตประจำวัน แต่ความน่าอัศจรรย์ของแสงไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะแสงที่ได้ชื่อว่ามีความเร็วที่สุดตามทฤษฎีของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) นั้นเป็นอีกกุญแจหนึ่งที่มนุษย์ตัวเล็กๆ จะใช้ไขความลับในจักรวาล รวมถึงอาจพาเราทะลุมิติไปยังเส้นทางที่ไกลโพ้นหรือข้ามไปในเวลาอันยาว ไกล ทั้งนี้ความฝันของคนกลุ่มหนึ่งอาจจะดูห่างไกลชีวิตประจำวัน แต่เชื่อว่าผลพวงจากการค้นคว้าจะทำให้เราพบความมหัศจรรย์อื่นๆ ที่เราจับต้องได้ต่อไป

ขอบคุณแหล่งที่มา/http://www.manager.co.th


List Of All Ps2 Games
Trading Card Games
Best Online Free Multiplayer Games
Car Games Online
Children Online Games
Free Windows Mobile Games
List All Board Games
Massively Multiplayer Online Role Playing Games
Mini Golf Games
Online Driving Games

“พอลิเมอร์-เซรามิกส์” วัสดุวนเวียนในชีวิตประจำวัน

เซรามิกส์ดินเผาที่คุ้นเคยมานับพันปี


พลาสติกที่มีความสวยใกล้เคียงแก้ว

ไฟเบอร์กล๊าส แก้วที่ถูกยืดให้เป็นเส้น ไม่ส่งผ่านความร้อน ใช้เป็นฉนวนกันความร้อน

สารพัดพลาสติกที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน

เส้นใยแก้วนำแสงอีกหนึ่งช่องทางในการนำแก้วมาใช้เพื่อการสื่อสาร

โฟม พอลิเมอร์อีกประเภทที่ผลิตมาจากพลาสติก

เซรามิกส์คู่ครัว

นกฮูก ผลิตภัณฑ์จากกระดาษเซรามิกส์

แก้วหลากหลายชนิด ผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงกับเซรามิกส์

เซรามิกส์ที่พบเห็นได้ทั่วไปในรูปแบบของเครื่องครัว

แก้วลูกผสมที่มีคุรสมบัติกึ่งเซรามิกส์มีความวาวคล้ายแก้วแต่มีความแข็งแรงเหมือนเวรามิกส์

โลกของเรามีความมหัศจรรย์มากมาย บางอย่างอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนกลุ่มหนึ่งที่ชินกับเรื่องนั้นๆ แต่อาจจะเป็นเรื่องชวนอัศจรรย์ใจแก่คนอีกกลุ่มหนึ่งด้วยความที่ไม่คุ้นเคย เช่นเดียวกับโลกของวัสดุที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมาซึ่งอาจทำให้เรารู้สึก “ทึ่ง” ในความสามารถของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันว่า “คิดได้ไง” วันนี้ผู้จัดการวิทยาศาสตร์จะพาไปรู้จักกับวัสดุที่วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเรา นั่นคือ “พอลิเมอร์” และ “เซรามิกส์”

“พอลิเมอร์” วัสดุตกไม่แตก
ในชีวิตประจำวันของเรา “พอลิเมอร์” (Polymer) ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะมองไปทางไหนเราก็จะพบผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากพอลิเมอร์ แต่คนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับ “พลาสติก” มากกว่า ทั้งที่พลาสติกก็คือพอลิเมอร์ชนิดหนึ่งนั่นเอง การนำพอลิเมอร์มาใช้มีมานานแล้วและยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ เหมาะกับการใช้งาน

ในทาง วิชาการความหมายของพอลิเมอร์คือสารที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูงโดยมีโครงสร้างทาง เคมีที่ประกอบด้วยหน่วยย่อยซ้ำ ๆ ของโมเลกุลที่เรียกว่า “เมอร์” (mer) และหากเป็นโมเลกุลที่มี “เมอร์” เพียง 1 หน่วยก็จะเรียกว่า “มอนอเมอร์” (Monomer) ซึ่งสารตั้งต้นของพอลิเมอร์อีกที ทั้งนี้เราพบสารที่เป็นพอลิเมอร์ได้ในธรรมชาติและจากการสังเคราะห์ขึ้นเอง

สำหรับพลาสติกที่เราคุ้นเคยกันก็มีหลายชนิด ซึ่งที่พอจะคุ้นเคยกันและได้ยินติดหูกันก็มีอาทิ “ขวดเพท” ที่ทำมาจากพลาสติกประเภท “เพท” (PET) ซึ่งมีลักษณะใส เหนียว ไม่เปรอะแตกง่ายจึงนิยมนำมาทำเป็นขวดบรรจุน้ำอัดลม น้ำดื่ม น้ำอัดลมหรือน้ำมันพืช และ “พีวีซี” (PVC) ก็เป็นพลาสติกอีกชนิดที่นิยมใช้กันมากเนื่องจากสามารถผลิตให้มีคุณสมบัติตาม ต้องการได้หลากหลาย เราอาจจะคุ้นเคยกับพีวีซีที่เป็นท่อน้ำหรือท่อหุ้มสายไฟ เนื่องจากมีความแข็งและเหนียว แต่ก็สามารถนำผลิตเป็นขวดสระผมหรือแม้แต่ฟิล์มห่ออาหารได้ด้วยการเติมสาร เคมีให้นิ่มลง

ยังมีพลาสติกอีกชนิดซึ่งมีคุณสมบัติที่จะนำไปผลิตเป็นขวดยาสระผมได้ เช่น “พีอี” (PE) ที่มีลักษณะนิ่ม เหนียว ไม่แตก ทนสารเคมีและราคาถูก และยังนำพีอีไปผลิตเป็นถุงพลาสติกได้อีกด้วย ส่วนโต๊ะ เก้าอี้หรือตะกร้าพลาสติกก็ผลิตมาจากพลาสติก “พีพี” (PP) ที่มีลักษณะแข็ง ขุ่นและทนแรงกระแทกได้ดี

อย่างไรก็ดีแม้ว่าพลาสติกจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติหลากหลาย แต่ความสวยงามเมื่อเทียบกับภาชนะและบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่ผลิตจากแก้วก็ด้อยกว่ามาก จึงได้มีการพัฒนาพลาสติกชนิด “พีซี” (PC) ที่เหนียว ทนความร้อนและรอยขีดข่วนและ “พีเอ็มเอ็มเอ” (PMMA) ที่ใส เหนียว แต่ไม่ทนร้อนและรอยขีดข่วน พลาสติก 2 ชนิดนี้นำไปใช้เป็นขวดเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ในครัว เช่น แก้วน้ำ เหยือก เป็นต้น แม้ความงามจะยังไม่เทียบเท่าแต่มีรวมคุณสมบัติ “ตกไม่แตก” ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสน

พอลิเมอร์อีกประเภทที่คุ้นเคยกันดีก็คือ “โฟม” ที่เราใช้ในการบรรจุอาหารหรือใช้เป็นวัสดุกันกระแทก ทั้งนี้โฟมก็คือพลาสติกที่มีโพรงอากาศอัดแน่นนั่นเองซึ่งพลาสติกทุกชนิด สามารถนำมาผลิตเป็นโฟมได้ โดยโฟมที่เราเห็นว่าเบานั้นผลิตมาจากเม็ดโฟมที่มีสาร “เพนเทน” (penthane) เมื่อเจอความร้อนสารดังกล่าวจะดันให้เม็ดโฟมขยายได้ถึง 50 เท่า ในการขึ้นรูปโฟมก็มีหลักการง่ายๆ โดยการให้ความร้อนกับเม็ดโฟมทั้งโดยไอน้ำหรือต้มในน้ำเดือด เมื่อเม็ดโฟมขยายจนได้ขนาดที่ต้องการก็นำเม็ดโฟมนั้นไปใส่ในแม่แบบแล้วให้ ความร้อนอีกที เม็ดโฟมก็จะขยายจะอัดแน่นในแม่แบบ

ยังมีพอลิเมอร์อีกชนิดที่เราคุ้นเคยในด้านความงามนั่นคือ “ซิลิโคน” ซึ่งเราๆ อาจจะรู้จักในฐานะวัสดุเสริมขนาดหน้าอกหรือเสริมจมูกในการศัลยกรรมความงาม แต่ซิลิโคนยังใช้ในการผลิตเป็นจุกนมสำหรับเด็ก แผ่นเจลรักษาแผลเป็นที่ปูดนูน กาวซิลิโคน ฉนวนหุ้มสายไฟและสายยางได้ สำหรับผู้คิดค้นซิลิโคนคือ ดร.ยูจีน จอร์จ โรเชาว์ (Dr.Eugene George Rochow) ซึ่งผลิตซิลิโคนขึ้นครั้งแรกใน ค.ศ.1943

“เซรามิกส์” วัสดุที่ไม่ทิ้งความเป็นอมตะ
ผลิตภัณฑ์จากเซรามิกส์ก็เป็นวัสดุอีกประเภทที่เราคุ้นเคยและมักเห็น เป็นประจำในเครื่องครัว สำหรับผลิตภัณฑ์เซรามิกส์ในห้องครัวที่เราคุ้นเคยมีด้วยกัน 4 ประเภทหลักๆ คือ เอิร์ทเทนแวร์ (Earthernware) สโตนแวร์ (Stoneware) ปอร์ซเลน (Porcelain) และโบนไชน่า (Bone China) ซึ่งเมื่อแยกประเภทโดยคุณสมบัติโปร่งแสงแล้ว เอิร์ทเทนแวร์และสโตนแวร์จะทึบแสง ส่วนปอร์ซเลนและโบนไชน่าจะโปร่งแสงคือเมื่อนำไปส่องไฟจะเห็นว่าแสงสามารถ ผ่านได้

เอิร์ทเทนแวร์เป็นเซรามิกส์ที่มนุษย์รู้จักมานับพันปีแล้ว และปัจจุบันเราเห็นกันในรูปหม้อดิน กระถางต้นไม้ รูปปั้นต่างๆ เป็นต้น เซรามิกส์ประเภทนี้มีความพรุนสูง แตกหักง่าย เมื่อใส่อาหารหรือของเหลวจะถูกดูดซึมลงในเนื้อภาชนะ ทำให้มีการสะสมของกลิ่นหรือเชื้อโรคได้จึงควรใช้วัสดุอื่นรองก่อนใส่อาหาร หรือของเหลวลงไป อีกทั้งยังไม่ควรใช้กับเครื่องไมโครเวฟเนื่องจากอากาศและน้ำอาจขยายตัวจน ระเบิดอย่างรุนแรงได้

สโตนแวร์เป็นเซรามิกส์ที่เนื้อดินหลอมกันแน่นกว่าเอิร์ทเทนแวร์ ไม่เปราะและแตกง่ายเมื่อกระทบกัน สามารถใช้ได้กับเตาอบและไมโครเวฟ แต่ก็ควรจะเลือกที่มีสัญลักษณ์ Oven/Microwave safe เพื่อความปลอดภัย ส่วนความสามารถในการดูดซึมน้ำจะน้อยกว่าเอิร์ทเทนแวร์ เซรามิกส์ประเภทนี้มีกำเนิดในประเภทจีนและซีเรียเมื่อเกือบ 3,000 ปีก่อนศริสต์ศักราช

ปอร์ซเลนเป็นภาชนะที่บาง เบา มีความหรูหราและทันสมัย เนื้อดินมีความแข็งแกร่งมาก ไม่บิ่นและแจฃตกง่ายเมื่อกระทบกัน แสงสามารถผ่านได้เมื่อส่องไฟ มีส่วนผสมของดินขาว เฟลด์สปาร์และควอตซ์ เซรามิกส์ชนิดนี้ถือกำเนิดในประเทศจีนยุคราชวงศ์ถัง ส่วนโบนไชน่าเป็นเซรามิกส์ที่มีความหรูหราเช่นเดียวกับปอร์ซเลนแต่มีส่วนผสม เป็นเถ้ากระดูก ดินขาวและเฟลสปาร์

สำหรับนิยามของเซรามิกส์คือผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารประกอบอนินทรีย์และ ผ่านกระบวนการเผา แต่ปัจจุบันมีเซรามิกส์ที่ไม่ต้องเผาแต่จัดเป็นเซรามิกส์คือ ผง “ไฮดรอกซี อะพาไทด์” (Hydroxyapatite) ซึ่งเป็นเซรามิกส์ที่สังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นวัสดุทดแทนกระดูกโดยไม่ ได้ผ่านกระบวนการเผา ดังนั้นกระบวนการเผาจึงเป็นข้อยกเว้นว่าอาจจะมีหรือไม่ก็ได้

การพัฒนาเซรามิกส์มีมาอย่างต่อเนื่องและไม่ได้จำกัดอยู่ที่ผลิตภัณฑ์ ในครัวเรือนเท่านั้น แต่ยังพัฒนาเซรามิกส์เพื่อใช้งานอย่างอื่น เช่น “อีโคเซรามิกส” ซึ่งเป็นเซรามิกส์ที่ผลิตมาจากเถ้าแกลบและน้ำทิ้ง อันเป็นผลงานวิจัยของนักวิชาการจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ซึ่งเซรามิกส์ดังกล่าวมีความแข็งแรงและทนความร้อนได้ที่อุณหภูมิหลายพันองศา เซลเซียสเหมาะแก่การใช้งานในโรงงาน นอกจากนี้ก็ยังมีเซรามิกส์ที่ใช้เทคนิคในการผลิตแผ่นรองวงจรที่ใช้ในวงการ อิเล็กทรอนิกส์มาผลิตเป็น “กระดาษเซรามิกส์” ซึ่งช่วยสร้างความหลากหลายให้กับผลิตเซรามิกส์มากขึ้น

นอกจากนี้ "แก้ว" ยังเป็นวัสดุอีกชนิดที่วนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา แก้วเป็นสารประกอบของซิลิกาและโลหะออกไซด์ ทั้งนี้แก้วมีความใกล้เคียงกับเซรามิกส์เนื่องจากเป็นสารประกอบอนินทรีย์และ ต้องผ่านการเผาที่อุณหภูมิสูงเช่นเดียวกัน แต่ก็ยังมีความแตกต่างกันคือแก้วจะต้องหลอมก่อนขึ้นรูปในขณะที่เซรามิกส์จะ ต้องขึ้นรูปก่อน และแก้วจะแข็งตัวโดยไม่ตกผลึก

การแบ่งชนิดของแก้วแบ่งได้หลายวิธีแต่โดยมากนิยมแบ่งตามส่วนประกอบ ทางเคมี โดยส่วนประกอบหลักๆ ของแก้วคือทรายแก้ว โซดาแอชและหินปูน และอาจจะเติมสารเคมีอื่นๆ เพื่อให้ได้แก้วที่มีคุณสมบัติตามต้องการ ทั้งนี้กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของแก้วที่เราพบเห็นกันทั่วไปคือแก้วโซดาซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ในรูป แก้วน้ำและขวด เป็นต้น และยังมีการนำแก้วไปประยุกต์ใช้ในรูปอื่นๆ อีก เช่น ไฟเบอร์กล๊าสซึ่งเป็นแก้วที่ถูกยืดให้เป็นเส้นๆ ด้วยความร้อนแล้วนำมาสานกันใช้เป็นฉนวนกันความร้อน เป็นต้น

ยังมีวัสดุที่ผลิตจากความคิดอันบรรเจิดของมนุษย์ที่สร้างความสะดวกสบายให้กับชีวิตประจำวันของเรา ลองมองไปรอบๆ ตัวสิ

ขอบคุณแหล่งที่มา/http://www.manager.co.th


Free Sonic Games Online
Games I Can Play Free Now
Play Free Slot Games
The Hardest Game In The World
United States Map Games
Who Invented The Game Of Bowling
Blues Clue Games Online For Free
Daily Games
Free Military Strategy Games
Free Online Learning Games Preschool

นักวิทย์เปิดนิทรรศการ โชว์ “มนุษย์ต่างดาว” จากความรู้ผสมแฟนตาซี

เพื่อนต่างดาวพันธุ์ต่างๆ (จากขวาบนวนตามเข็มนาฬิกา) gulphog, stinger fan และ skywhale
เทเลกราฟ - หลาย ปีมานี้ ฮอลลีวูดสร้างภาพมนุษย์ต่างดาวออกมาในแบบต่างๆ ทั้งน่ารักเหมือนเด็กอย่าง ET ไปจนถึงสัตว์ประหลาดดุร้ายเช่นในภาพยนตร์เอเลียน แต่ตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์ตัดสินใจใส่ความเป็นจริงเล็กๆ น้อยๆ ลงในนิยายวิทยาศาสตร์ โดยการปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ว่าสายพันธุ์จากนอกโลกชนิดนี้ควรมีรูปร่างหน้า ตาแบบใด

นิทรรศการวิทยาศาสตร์ว่าด้วยมนุษย์ต่างดาว (Science of Aliens exhibition) เป็นการคาดเดารูปร่างหน้าตามนุษย์ต่างดาวโดยอิงกับข้อมูลความรู้มากที่สุด โดยพิจารณาจากสภาพแวดล้อมที่ควรจะเป็น และกฎทางฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา

นักวิทยาศาสตร์ ซึ่งรวมถึงไซมอน คอนเวย์-มอร์ริส (Simon Conway-Morris) นักศึกษาซากดึกดำบรรพ์จากเคมบริดจ์ นำเสนอมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ต่างๆ อาทิ สติงเกอร์ แฟน (stinger fan) ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายพืช, กัลฟ์ฮอก (gulphog) หรือไดโนเสาร์ประเภทนักฆ่า และ สกายวาล (skywhale) หรือสัตว์ประหลาดใต้ท้องทะเลที่บินได้

“จริง อยู่ที่นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่า สิ่งมีชีวิตอันซับซ้อนนี้หายาก หรืออาจไม่มีอยู่จริง แต่ส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริง ปัญหาก็คือ พวกเขาอยู่ห่างไกลมากจนเราหาไม่เจอ” สตีเฟน ฟูลเกอร์ (Stephen Foulger) ผู้จัดการนิทรรศการ ที่จะเปิดให้ชมในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ในลอนดอน ตั้งแต่วันที่ 14 ต.ค.เป็นต้นไป กล่าว

“แต่นั่นไม่น่ายับยั้งเราจากการพยายามคาดเดาว่า พวกเขาจะอาศัยอยู่ในโลกแบบไหน และมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร และนี่คือสิ่งที่เราทำออกมา” ฟูลเกอร์เผย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชุดนี้เลือกสภาพแวดล้อมต่างกัน 2 แบบให้กับมนุษย์ต่างดาว คือ ออเรเลีย กับบลูมูน

ออเรเลีย (Aurelia) คือ ดาวแคระสีแดง แต่เย็นกว่าดวงอาทิตย์ของเรา อยู่ในวงโคจรที่ไม่สามารถหมุนรอบตัวเองได้ ดังนั้น ด้านหนึ่งจึงเผชิญกับดวงอาทิตย์ ขณะที่อีกด้านอยู่ในห้วงอวกาศลึกเช่นนี้เรื่อยไป ไม่มีฤดูกาล วัน หรือคืน

นี่คือโลกของ gulphog ที่มีขาทรงพลัง คอยาว แต่หัวเล็ก วิ่งได้เร็ว 40 ไมล์ต่อชั่วโมง สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ยังรวมถึง stinger fan ที่ดูเหมือนพืชแต่มีเนื้อและเลือด และใช้แขนที่คลี่บานคล้ายดอกไม้ ดักแสงอาทิตย์

ส่วนบลูมูน (Blue Moon) คือดาวเคราะห์ขนาดเท่าดาวพฤหัสบดี มีชั้นบรรยากาศหนาแน่นกระทั่งสัตว์ขนาดใหญ่สามารถต่อสู้ได้ ซึ่งรวมถึง skywhale ที่มีวงปีกกว้าง 30 ฟุต นักฆ่าเพียงสายพันธุ์เดียวที่เป็นศัตรูของมันคือ สัตว์กินเนื้อที่รูปร่างเหมือนนกอินทรีและสามารถฉีกเนื้อ skywhle ได้ ขณะที่ต้นไม้ใหญ่ยักษ์มีความสูงถึง 9,000 ฟุตเมื่อโตเต็มที่ ทั้งนี้ เพื่อสร้างสภาพนิเวศวิทยาที่เอื้ออำนวยต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

นักวิทยาศาสตร์ย้ำว่า แม้สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์นี้อาจดูแปลก แต่ก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวที่สอดคล้องกับกฎการคัดสรรของธรรมชาติ ที่ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตบนโลกของเรา

ขอบคุณแหล่งที่มา/http://www.manager.co.th

Downloadable Rpg Games For Free
Free Downloadable Cell Phone Games
Free Online Mystery Games
Nokia Games Download
School Bus Driving Games
Shooting Games Online
The Game Rapper
A Games
Free Online Fantasy Rpg Games Mud
Free Online Web Games